วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
ส้มแขก ช่วยลดน้ำหนัก
ส้มแขก( Garcenia Cambogia)
เป็นพืชพื้นบ้านดั้งเดิมของไทย
ที่นิยมใช้ในการประกอบอาหารมาเป็นเวลานานแล้ว ลักษณะของผลส้มแขก
จะคล้ายฟักทองขนาดเล็ก มีมากทางภาคใต้ ซึ่งมีการนำมาปรุงเป็นอาหารโดย
ใช้เพิ่มรสเปรี้ยวให้อาหาร(ดูรูปประกอบ)
ได้มีการค้นคว้าพบว่า
ผลส้มแขก มีสาร HCA หรือ
Hydroxy-citric acid อยู่เป็นจำนวนมาก โดยพบว่า HCA นี้มีคุณสมบัติในการยับยั้งการสะสมของไขมันส่วนเกินในร่างกาย
และลดความอยากอาหารได้ จึงได้มีบางคนนำผลส้มแขกมาใช้ในการควบคุมน้ำหนัก
กลไกการออกฤทธิ์ของ
HCA จะออกฤทธิ์โดยการไปยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์
ATP Citrate Lyase ในวงจร Kreb's cycle (วงจรการย่อยสลายกลูโคส ของเซลร่างกาย) ทำให้ยับยั้งการนำน้ำตาล
จากอาหารประเภท แป้ง ข้าว และน้ำตาล ไม่ให้เปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมตามร่างกายแต่จะนำไปใช้เป็นพลังงานของร่างกาย
ทำให้ร่างกายสดชื่นไม่อ่อนเพลีย และ เมื่อในกระแสเลือดไม่ขาดน้ำตาล
ก็จะทำให้ความรู้สึกหิวอาหารลดลง ไปด้วย ขณะเดียวกัน ก็
จะนำไปสะสมเป็นพลังงานสำรองในรูปของไกลโคเจนที่ตับ ทำให้ร่างกายรับรู้ว่ามีพลังงานสำรองเพียงพอ
ทำให้ไม่รู้สึกหิวมาก นอกจากนี้ ยังมีผลไปกระตุ้น
ให้มีการดึงเอาไขมันที่สะสมออกมาใช้เป็นพลังงานทำให้ไขมันที่สะสมอยู่ลดลงซึ่งจะมีผล
ทำให้รูปร่างดีขึ้น
จากการนำสารสกัดจากผลส้มแขกมารับประทานเพื่อให้น้ำหนักลดลง
พบว่าน้ำหนักตัวอาจจะไม่ลดลงเร็วมากนัก ประมาณ 1 กิโลภายใน 3-4 อาทิตย์
แต่รูปร่างจะดีขึ้น เอว(พุง) ลดลง ความอึดอัดลดน้อยลง
เนื่องจากไขมันมีน้ำหนักเบากว่ากล้ามเนื้อ (
แต่ถ้าร่างกายสูญเสียกล้ามเนื้อก็จะเกิดการอ่อนแอและโรคแทรกซ้อนได้ง่าย)
วิธีการ รับประทานสารสกัดส้มแขก
แนะนำให้กินขนาด
600 mgครั้งละ
2 เม็ด (ถ้า 300 mg ใช้มื้อละ สี่เม็ด)
วันละ 3 เวลา ก่อนอาหารประมาณ 1 ชั่วโมงพร้อมกับดื่มน้ำตามหลัง
ประมานหนึ่งแก้ว ซึ่งจะทำยาให้ดูดซึมได้ดีที่สุด
แต่ขณะที่ยาแตกตัวในกระเพาะอาหารบางคนอาจะได้กลิ่นของส้มแขกซึ่งมีกลิ่นหอมคล้ายขนมปังปิ้ง
ถ้าไม่ชอบหรือ มีอาการคลื่นไส้อาเจียน
ก็แนะนำให้เปลี่ยนมากินหลังอาหารหรือพร้อมกับอาหารได้
แต่การดูดซึมจะลดน้อยกว่าการกินก่อนอาหารเล็กน้อย
ในผู้ที่อ้วนมากหรือกินจุมากอาจเพิ่มปริมาณ เป็นวันละ 8-10 เม็ด
(600 mg) ต่อวันได้
เมื่อรูปร่างหรือน้ำหนักตัวลดลงจนเป็นที่พอใจก็ค่อยๆลดปริมาณ ของส้มแขก
ลงจนกระทั่งไม่ต้องใช้ และหลังจากหยุดใช้จะไม่มีผลในการหิวมากขึ้น หรือ
อ้วนขึ้นกลับมา และยังพบว่านิสัยกินจุในบางคนจะลดลงไปด้วย
ปัจจุบัน
ส้มแขก ได้มีการทำเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ลดน้ำหนัก ในหลายรูปแบบ เช่น ชนิดเม็ด
แคบซูล และผง และมีวางจำหน่ายทั่วไป ขนาด 300 และ 600 มก.ซึ่งจะมี เนื้อ
garcinia จำนวนประมาณ 250-500 mg และให้ปริมาณ
HCA ประมาณ 60-70% ซึ่งต่างจาก
ผลส้มแขกธรรมดาที่บดแห้งบรรจุแคปซูลที่ไม่ได้ผ่านการสกัด ซึ่งจะได้ปริมาณของ HCA
เพียง 30%( ปัจจุบันมี
สารสกัดจากส้มแขกที่เป็นซองใช้ชงน้ำดื่ม 1ซองมี garcinia
ประมาณ 1000 mg ใช้ครั้งละซอง วันละสามครั้ง
แต่ราคาค่อนข้างแพง คือ ซองละประมาณ สี่สิบบาท เมือเทียบกับชนิด แคปซูล 600
mg ซึ่งราคาประมาณ สิบบาท) แต่จะเลือกซื้อยี่ห้อไหน
ไม่สำคัญขอให้ได้รับการรับรอง จาก อย.และมีเครื่องหมายรับรองมาตรฐาน และเปรียบเทียบขนาดกับราคาให้คุ้มที่สุด
ขณะที่ใช้สารสกัดจากส้มแขก
คุณสามารถ รับประทานอาหารได้ตามสมควร แต่ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมันลงบ้าง
และเมื่อ
ความรู้สึกหิวน้อยลงจากการที่ร่างกายได้รับพลังงานอย่างเพียงพอแล้วจะทำให้
นิสัยการกินอาหารจุๆ จำนวนมากก็จะค่อยๆ ลดลง และไม่กลับมาอ้วนใหม่
ผลส้มแขก
จนถึงบัดนี้
ยังไม่พบผลข้างเคียงหรืออันตรายที่เกิดขึ้นจากการรับประทานตามขนาดที่แนะนำ
แต่ไม่ว่าจะลดน้ำหนัก ด้วยวิธีใด การปรับเปลี่ยน พฤติกรรมในการกินอาหาร
ควบคู่กับการออกกำลังกายที่เหมาะสมอย่าง
สม่ำเสมอ จะทำให้ได้ผลเร็วและปลอดภัยกว่ายาใดๆ ทั้งหมด
สม่ำเสมอ จะทำให้ได้ผลเร็วและปลอดภัยกว่ายาใดๆ ทั้งหมด
ที่มา:TEENEE
วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
อยากหน้าเด็กกิน อะโวคาโด
เชื่อหรือไม่ว่าผลไม้อย่างอะโวคาโด นอกจากจะมีรสหวานอร่อยแล้ว ยังสามารถช่วยให้คนทานดูอ่อนกว่าวัยได้อีกด้วย เพราะนักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า น้ำมันที่พบในผลไม้ชนิดนี้ สามารถช่วยลดริ้วรอยตีนกาได้ แถมยังช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและโรคมะเร็งได้อีกด้วย
โดยนักวิจัย คริสเตียน คอร์เตส-โรโฆ่ (Christian Cortes-Rojo) ได้ยืนยันว่า อะโวคาโดสามารถช่วยลดริ้วรอยแห่งวัยได้ดีกว่าผักผลไม้ชนิดอื่น เพราะแม้ว่าผักอื่น ๆ เช่น แครอทและมะเขือเทศ จะสามารถช่วยลดริ้วรอยก่อนวัยของเราได้เหมือนกัน แต่ร่างกายของเราก็ไม่สามารถซึมซับสารแอนตี้ออกซิแดนท์จากผักผลไม้เหล่านั้นได้เหมือนกับที่ซึมซับน้ำมันในอะโวคาโด
ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะสารแอนตี้ออกซิแดนท์ในแครอทและมะเขือเทศ ไม่สามารถผ่านไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) ซึ่งเป็นออร์แกเนลล์ (Organelle) หรือโครงสร้างภายในเซลล์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบเปลี่ยนสารอาหารให้กลายเป็นพลังงานได้ดีนัก เพราะฉะนั้น อะโวคาโดจึงเป็นผลไม้ที่ช่วยคงความอ่อนเยาว์ให้กับคุณได้ดีที่สุด
นอกจากจะช่วยให้คุณไม่ดูแก่ก่อนวัยแล้ว อะโวคาโดยังมีฤทธิ์ต้านโมเลกุลที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคมะเร็งอีกด้วย และจากผลการทดสอบของนักวิจัยชาวเม็กซิกันยังพบว่า อะโวคาโดมีส่วนช่วยในการลดไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้อีก เรียกได้ว่าเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ครบครันจริง ๆ ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ ควรหันมาทานอะโวคาโดกันให้มากขึ้นนะคะ.
โดยนักวิจัย คริสเตียน คอร์เตส-โรโฆ่ (Christian Cortes-Rojo) ได้ยืนยันว่า อะโวคาโดสามารถช่วยลดริ้วรอยแห่งวัยได้ดีกว่าผักผลไม้ชนิดอื่น เพราะแม้ว่าผักอื่น ๆ เช่น แครอทและมะเขือเทศ จะสามารถช่วยลดริ้วรอยก่อนวัยของเราได้เหมือนกัน แต่ร่างกายของเราก็ไม่สามารถซึมซับสารแอนตี้ออกซิแดนท์จากผักผลไม้เหล่านั้นได้เหมือนกับที่ซึมซับน้ำมันในอะโวคาโด
ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะสารแอนตี้ออกซิแดนท์ในแครอทและมะเขือเทศ ไม่สามารถผ่านไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) ซึ่งเป็นออร์แกเนลล์ (Organelle) หรือโครงสร้างภายในเซลล์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบเปลี่ยนสารอาหารให้กลายเป็นพลังงานได้ดีนัก เพราะฉะนั้น อะโวคาโดจึงเป็นผลไม้ที่ช่วยคงความอ่อนเยาว์ให้กับคุณได้ดีที่สุด
นอกจากจะช่วยให้คุณไม่ดูแก่ก่อนวัยแล้ว อะโวคาโดยังมีฤทธิ์ต้านโมเลกุลที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคมะเร็งอีกด้วย และจากผลการทดสอบของนักวิจัยชาวเม็กซิกันยังพบว่า อะโวคาโดมีส่วนช่วยในการลดไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้อีก เรียกได้ว่าเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ครบครันจริง ๆ ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ ควรหันมาทานอะโวคาโดกันให้มากขึ้นนะคะ.
ที่มา:TEENEE
วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
ผลไม้เพื่อสุขภาพ
สำหรับสาวๆที่กำลังควบคุมน้ำหนัก เพื่อที่จะลดน้ำหนัก วันนี้มีผลไม้มาแนะนำสาวๆที่กำลังควบคุมน้ำหนักค่ะ
กล้วย ผลไม้เบสิกๆ แบบนี้ ใครๆ ก็รู้ว่ามีประโยชน์มากมาย แต่เชื่อหรือไม่ว่า กล้วยสามารถช่วยล้างลำไส้ได้เป็นอย่างดี เพราะอุดมไปด้วยธาตุโปแตสเซียมและวิตามินซี และยังให้พลังงานสูง ดังนั้นควรกินกล้วยให้ได้วันละ 1 ลูกเป็นประจำทุกวัน
สับปะรด มีเอนไซม์โปรตีนสูง เอนไซม์ตัวนี้จะช่วยการทำงานของกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะ และช่วยทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัวได้เร็วขึ้น เชื่อกันว่าสับปะรดช่วยรักษาอาการอักเสบในทางเดินอาหาร ช่วยในการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ที่สึกหรอช่วยการทำงานของต่อมไร้ท่อ และช่วยกำจัดน้ำมูก
แตงโม มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ดังนั้นจึงช่วยฟอกล้างร่างกายได้เป็นอย่างดี ใช้รักษาแผลในกระเพาะ ลดความดันเลือดสูง ทำให้สบายท้อง น้ำคั้นจากเปลือกของแตงโมและเมล็ด หากดื่มก่อนกินเนื้อแตงโมในมื้ออาหารสักครึ่งชั่วโมงจะทำให้คุณได้ประโยชน์สุงสุด เนื่องจากเปลือกของมันอุดมด้วยคลอโรฟิลล์ และเมล็ดอุดมด้วยวิตามิน น้ำแครนเบรอรี่คั้น สำหรับผู้ที่มีอาการติดเชื้อที่ท่อปัสสาวะง่าย แนะน้ำให้ดื่มน้ำแครนเบอรี่คั้น 1 แก้วทุกวัน เพราะสารพฤกษ-เคมีที่อยู่ในผลไม้ชนิดนี้จะช่วยป้องกันอาการติดเชื้อที่ไม่พึงปรารถนาต่างๆ ได้ คุณอาจจะผสมน้ำแครนเบอรี่คั้นกับเครื่องดื่มแก้วโปรดเพื่อให้ได้ค็อกเทลแสนอร่อย หรือเป็นเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยก่อนอาหารก็ได้
ฝรั่ง อุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งมีบทบาทในการสร้างคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณเต่งตึง ไม่แก่ก่อนวัย ฝรั่ง 1 ขีดมีวิตามินซีสูงถึง 180 มิลลิกรัม
แอปเปิ้ล เป็นผลไม้ที่ดีที่สุดสำหรับการขจัดของเสียออกจากร่างกาย สารเพกตินในแอปเปิ้ลจะช่วยนำสารพิษไปกำจัดทิ้ง ทั้งยังป้องกันไม่ให้โปรตีนในลำไส้เกิดการบูดเน่า แอปเปิ้ลยังมีเส้นใยมาก ซึ่งมันจะทำหน้าที่เป็นไม้กวาด ทำความสะอาดลำไส้ช่วยให้ตับและระบบย่อยทำงานได้ดียิ่งขึ้น กระตุ้นน้ำย่อย นอกจากนี้ยังมีวิตามินและเกลือแร่ แต่อย่าปอกเปลือกเชียวนะ
ส้ม คนไทยเรามักจะคุ้นเคยกับผลไม้ประเภท "ส้ม" ดี ไม่ว่าจะเป็น ส้มเขียวหวาน ส้มสายน้ำผึ้ง ส้มบางมด และก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบการกินส้มไม่ว่าจะเป็นแบบผลไม้ หรือในลักษณะของน้ำส้มคั้นความจริงถ้าจะกินส้มให้ได้ประโยชน์จริงๆ นั้น ควรจะกินทั้งกาก เพราะจะช่วยทำให้ระบายท้องได้ดี แม้ว่าส้มจะมีรสอร่อย แต่ส้มก็เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่ให้ความหวานพอสมควร ส้ม 1 กิโลกรัม จะให้พลังงาน 340 กิโลแคลอรี่ ซึ่งถือว่าค่อนข้างจะมากสักหน่อยสำหรับการลดความอ้วน ฉะนั้นถ้าเราเลือกส้มเป็นผลไม้ที่กิน เพื่อลดความอ้วน ก็ไม่ควรกินเกินวันละ 2 กิโลกรัม ไม่เช่นนั้นก็อาจจะไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
มะละกอ เป็นผลไม้ที่ช่วยขับสารพิษของเสียออกจากร่างกาย แถมยังช่วยกำจัดไขมันต่าง ๆ ภายในร่างกายได้ด้วย โดยมะละกอมีเอนไซน์ปาเปน ที่จะช่วยย่อยโปรตีน และย่อยอาหาร จึงช่วยลดน้ำหนักได้อีกทางด้วย ส่วนใครที่อยากมีผิวพรรณสวย มะละกอ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสน เพราะมะละกอมีวิตามินซี และเบตาแคโรทีนสูง จึงช่วยบำรุงผิวพรรณได้
แก้วมังกร เป็นผลไม้ที่ช่วยให้คุณอิ่มท้องได้ง่าย ๆ ไม่แพ้ผลไม้ชนิดอื่น เพราะแก้วมังกรมีกากใยสูงและแคลอรีต่ำ แถมยังมีรสหวานอร่อย หลาย ๆ คน จึงเลือกรับประทานแก้วมังกรเป็นอาหารเย็น หรือทานรวมกับผักสลัดอื่น ๆ เพื่อช่วยลดน้ำหนัก โดยไม่ต้องห่วงว่าจะความหวานจะไปเป็นไขมันสะสมในภายหลังและนอกจากลดน้ำหนักแล้ว ผลพลอยได้จากแก้วมังกรที่คุณสาว ๆ ไม่ควรพลาดอีกเช่นกันก็คือ แก้วมังกรเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่มีวิตามินซีสูงมาก ดังนั้น จึงช่วยบำรุงผิวพรรณไปในตัว แถมยังช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนมดีต่อคุณแม่ที่เพิ่งคลอดบุตร
วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
สุดยอดเคล็ดลับไดเอ็ดแบบสุขภาพดีรับร้อน
ด้วยเคล็ดลับดีๆ ใหม่ๆ เหล่านี้ ที่จะช่วยให้คุณทั้งผอมเพรียวและสุขภาพดีรับลมร้อน จนใครๆ ก็พากันอิจฉาที่ได้เห็นคุณโชว์หุ่นสวยในชุดว่ายน้ำเลยล่ะ
1.จำไว้ว่ายิ่งคุณจัดหนักกับมื้อเช้ามากเท่าไหร่ อัตราการเผาผลาญและการลดไขมันก็ยิ่งมีประสิทธิภาพ อาจเป็นไข่กับขนมปังโฮลวีต โยเกิร์ตกับมูสลี่และผลไม้ หรือนมพร่องมันเนยกับผลไม้พวกเบอร์รี่และโปรตีนเชค
2ลองดื่มชาเขียวหลังกินอาหารทุกมื้อ เพื่อช่วยสร้างการเผาผลาญไขมันและรับมือกับความอยากของหวาน
3.ใช้เวลาอย่างน้อยสัปดาห์ละครึ่งชั่วโมง ถ้าจะให้ดีคือตอนดื่มกาแฟยามเช้าวันจันทร์ วางแผนในการควบคุมอาหารในแต่ละมื้อรวมทั้งของว่างไว้ล่วงหน้า จำไว้ว่าการวางแผนจะทำให้คุณลดน้ำหนักได้ถึงเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เมื่อคุณมีเมนูที่ต้องการไว้พร้อมในแต่ละสัปดาห์
4.เราทุกคนควรได้รับประทานผักหรือสลัดอย่างน้อยวันละ 3 ถ้วยตวง ในมื้อกลางวันควรมีสลัดอยู่ครึ่งหนึ่ง รวมทั้งช่วงของว่างและก่อนอาหารเย็น เตรียมผักสลัดใส่ถ้วยแช่ตู้เย็นไว้เพื่อความสดใหม่ ให้คุณได้กินพร้อมกันทั้งครอบครัว
5.สำหรับของว่าง พยายามจำกัดปริมาณ คาร์โบไฮเดรตทั้งหมดไม่ควรเกิน 30 กรัม และควรมีโปรตีนอย่างน้อย 5 กรัม เพื่อให้ได้แป้งน้อยลง ซึ่งโปรตีนจะยังช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มได้โดยไม่ต้องได้แคลอรีเกินกว่าที่กำหนดไว้
6.ตั้งเป้าไว้ว่าจะหาของกินทุก 3-4 ชั่วโมงในระหว่างวันเพื่อกระตุ้นเมตาบอลิซึ่ม7.โปรตีนเชคเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับชดเชยพลังงานหลังออกกำลังกาย หรือชาร์จพลังในมื้อเช้า รวมทั้งของว่างเหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์รีบเร่งในแต่ละวัน
8.กินผักสดๆ เปนของว่าง จะทำให้คุณได้รับวิตามินและแร่ธาตุ นอกจากนี้ ยังช่วยคุณจากความหิวปั่นป่วนในช่วงบ่ายได้
9.ย้ำอีกครั้งว่าการวางแผนนำไปสู่ความสำเร็จในการไดเอ็ต พกพาของว่างโปรตีนสูงติดตัวไปกับคุณด้วย เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องสรรหาของกินแคลอรีสูงมาระงับความหิว
10.หากคุณได้รับสารอาหารจากผักและโปรตีนมากเพียงพอในมื้อกลางวัน คุณก็มีแนวโน้มที่จะเกิดอาการหิวขนมหวานๆ ในตอนบ่าย
2ลองดื่มชาเขียวหลังกินอาหารทุกมื้อ เพื่อช่วยสร้างการเผาผลาญไขมันและรับมือกับความอยากของหวาน
3.ใช้เวลาอย่างน้อยสัปดาห์ละครึ่งชั่วโมง ถ้าจะให้ดีคือตอนดื่มกาแฟยามเช้าวันจันทร์ วางแผนในการควบคุมอาหารในแต่ละมื้อรวมทั้งของว่างไว้ล่วงหน้า จำไว้ว่าการวางแผนจะทำให้คุณลดน้ำหนักได้ถึงเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เมื่อคุณมีเมนูที่ต้องการไว้พร้อมในแต่ละสัปดาห์
4.เราทุกคนควรได้รับประทานผักหรือสลัดอย่างน้อยวันละ 3 ถ้วยตวง ในมื้อกลางวันควรมีสลัดอยู่ครึ่งหนึ่ง รวมทั้งช่วงของว่างและก่อนอาหารเย็น เตรียมผักสลัดใส่ถ้วยแช่ตู้เย็นไว้เพื่อความสดใหม่ ให้คุณได้กินพร้อมกันทั้งครอบครัว
5.สำหรับของว่าง พยายามจำกัดปริมาณ คาร์โบไฮเดรตทั้งหมดไม่ควรเกิน 30 กรัม และควรมีโปรตีนอย่างน้อย 5 กรัม เพื่อให้ได้แป้งน้อยลง ซึ่งโปรตีนจะยังช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มได้โดยไม่ต้องได้แคลอรีเกินกว่าที่กำหนดไว้
6.ตั้งเป้าไว้ว่าจะหาของกินทุก 3-4 ชั่วโมงในระหว่างวันเพื่อกระตุ้นเมตาบอลิซึ่ม7.โปรตีนเชคเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับชดเชยพลังงานหลังออกกำลังกาย หรือชาร์จพลังในมื้อเช้า รวมทั้งของว่างเหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์รีบเร่งในแต่ละวัน
8.กินผักสดๆ เปนของว่าง จะทำให้คุณได้รับวิตามินและแร่ธาตุ นอกจากนี้ ยังช่วยคุณจากความหิวปั่นป่วนในช่วงบ่ายได้
9.ย้ำอีกครั้งว่าการวางแผนนำไปสู่ความสำเร็จในการไดเอ็ต พกพาของว่างโปรตีนสูงติดตัวไปกับคุณด้วย เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องสรรหาของกินแคลอรีสูงมาระงับความหิว
10.หากคุณได้รับสารอาหารจากผักและโปรตีนมากเพียงพอในมื้อกลางวัน คุณก็มีแนวโน้มที่จะเกิดอาการหิวขนมหวานๆ ในตอนบ่าย
น้อยลง
ที่มา:TEENEE
วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
วิธีแก้ผมขาดหลุดร่วง
เส้นผมของคนเรามีวงจรการงอกใหม่และผลัดผมเก่าออกวนเวียนกันอยู่ภายในช่วง 2 เดือนสำหรับกระบวนทั้งหมดของแต่ละเส้น เป็นเรื่องปกติที่คนเราจะมีผมร่วงทุกวัน
แต่สำหรับคนที่ผมมีปัญหาเปราะบาง และขาดหลุดร่วงมากผิดสังเกต แสดงว่าคุณกำลังตกอยู่ในภาวะผมร่วงแล้วล่ะ ซึ่งสาเหตุเกิดจากปัจจัยภายในร่างกายของเรา เช่น
แต่สำหรับคนที่ผมมีปัญหาเปราะบาง และขาดหลุดร่วงมากผิดสังเกต แสดงว่าคุณกำลังตกอยู่ในภาวะผมร่วงแล้วล่ะ ซึ่งสาเหตุเกิดจากปัจจัยภายในร่างกายของเรา เช่น
•ความดันโลหิตต่ำทำให้เกิดผมร่วงได้เมื่อร่างกายได้รับคุณค่าสารอาหารไม่เพียงพอ
•อาหารทอด อาหารเปรี้ยวหรือเผ็ดจัดและการสูบบุหรี่นั้นส่งผลให้ผมร่วงได้ โรคบางชนิดอย่างไทฟอยด์
•ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ รวมทั้งความเครียดความวิตกกังวลทั้งหลายและพันธุกรรมก็มีส่วนเช่นกัน
ทางแก้ จะให้ได้ผลดีที่สุดควรแก้ที่ภายใน ด้วยการรักษาสุขภาพ ส่วนปัจจัยภายนอกควรดูแลไม่ให้เส้นผมได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรง เช่นการหวี สาง ยีผมหรือมัดผมแน่นๆ ที่จะทำให้ผมขาดหลุดร่วงได้ง่ายขึ้นทันที
•อาหารทอด อาหารเปรี้ยวหรือเผ็ดจัดและการสูบบุหรี่นั้นส่งผลให้ผมร่วงได้ โรคบางชนิดอย่างไทฟอยด์
•ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ รวมทั้งความเครียดความวิตกกังวลทั้งหลายและพันธุกรรมก็มีส่วนเช่นกัน
ทางแก้ จะให้ได้ผลดีที่สุดควรแก้ที่ภายใน ด้วยการรักษาสุขภาพ ส่วนปัจจัยภายนอกควรดูแลไม่ให้เส้นผมได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรง เช่นการหวี สาง ยีผมหรือมัดผมแน่นๆ ที่จะทำให้ผมขาดหลุดร่วงได้ง่ายขึ้นทันที
Natural Treatment
•คั้นน้ำกะทิ 1-2 ถ้วย ตามความยาวผม นำไปชโลมบนหนังศีรษะและเส้นผมให้ทั่ว ปล่อยทิ้งไว้ 2 ชั่วโมงจนผมเริ่มแห้ง และล้างออกด้วยน้ำเปล่า อย่าเพิ่งใช้แชมพูสระ ปล่อยให้น้ำมันจากน้ำกะทิตกค้างอยู่บนผม 24 ชั่วโมง แล้วค่อยสระผม นอกจากจะช่วยเร่งให้ผมขึ้นแล้วยังทำให้ดกดำ เงางาม คนมีปัญหาผมร่วงลองใช้วิธีนี้อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งสิ
•นวดหนังศีรษะด้วยน้ำมันบำรุงผมดีๆ สักสองครั้งต่อสัปดาห์ ใช้นิ้วนวดคลึง อย่าแรงเกินไป เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตใต้หนังศีรษะ
•ใส่หัวหอมลงในแก้วเหล้ารัม ทิ้งไว้ 1 วัน จากนั้นนำหัวหอมออกจากแก้ว ใช้เหล้ารัมที่ได้มานวดหนังศีรษะ จะช่วยรักษาผมร่วงและกระตุ้นให้ผมงอกใหม่
•เพื่อผมดกดำเงาเงาม นวดบำรุงด้วยน้ำมันงาหรือน้ำมันมะกอกเป็นประจำ
•นวดหนังศีรษะด้วยน้ำมันบำรุงผมดีๆ สักสองครั้งต่อสัปดาห์ ใช้นิ้วนวดคลึง อย่าแรงเกินไป เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตใต้หนังศีรษะ
•ใส่หัวหอมลงในแก้วเหล้ารัม ทิ้งไว้ 1 วัน จากนั้นนำหัวหอมออกจากแก้ว ใช้เหล้ารัมที่ได้มานวดหนังศีรษะ จะช่วยรักษาผมร่วงและกระตุ้นให้ผมงอกใหม่
•เพื่อผมดกดำเงาเงาม นวดบำรุงด้วยน้ำมันงาหรือน้ำมันมะกอกเป็นประจำ
ที่มา : TEENEE
วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
แหล่งโปรตีนที่ดีของการลดน้ำหนัด
แหล่งของโปรตีนที่ช่วยในการลดน้ำหนัก
มีแหล่งของโปรตีนอยู่มากมาย เนื้อสัตว์ ปลา ถั่ว ไข่ และแม้แต่ผักและผลไม้ ในคนที่ชอบรับ ประทานเนื้อสัตว์ก็จะได้รับโปรตีนมากตามความต้องการของร่างกาย แม้แต่ในมังสวิรัติก็ต้องมีวิธีการเลือก แหล่งของโปรตีนให้ถูกด้วย
- เนื้อสัตว์ เป็นแหล่งของโปรตีนหลัก แต่เนื้อสัตว์นั้นก็มักจะมีไขมันอิ่มตัวติดมาด้วยเสมอ (แม้ ว่าจะตัดไขมันออกไปหมดแล้วก็ตาม) แนะนำให้ตัดส่วนที่เป็นไขมันออกให้หมดเพื่อลด ส่วนที่ไขมันลง
- ปลา เป็นแหล่งของโปรตีนที่มีไขมันต่ำ และไขมันจากปลายังช่วยในการป้องกันโรค หลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบตันด้วย
- ไข่ ก็อุดมไปด้วยโปรตีน แต่ไข่แดงก็มักจะมีโคเลสเตอรอลด้วย
- ถั่วต่างๆ ก็อาจจะเป็นแหล่งของโปรตีนที่ดี และยังมีใยอาหาร ช่วยลดการเกิดโรค หลอดเลือดเลี้ยงหัวใจและมะเร็ง
พยายามหลีกเลี่ยงแหล่งของโปรตีนที่มีไขมันสูง และให้เลือกรับประทานโปรตีนที่มีไขมันต่ำเช่นเนื้อปลา
ที่มา:Teenee.com
มีแหล่งของโปรตีนอยู่มากมาย เนื้อสัตว์ ปลา ถั่ว ไข่ และแม้แต่ผักและผลไม้ ในคนที่ชอบรับ ประทานเนื้อสัตว์ก็จะได้รับโปรตีนมากตามความต้องการของร่างกาย แม้แต่ในมังสวิรัติก็ต้องมีวิธีการเลือก แหล่งของโปรตีนให้ถูกด้วย
- เนื้อสัตว์ เป็นแหล่งของโปรตีนหลัก แต่เนื้อสัตว์นั้นก็มักจะมีไขมันอิ่มตัวติดมาด้วยเสมอ (แม้ ว่าจะตัดไขมันออกไปหมดแล้วก็ตาม) แนะนำให้ตัดส่วนที่เป็นไขมันออกให้หมดเพื่อลด ส่วนที่ไขมันลง
- ปลา เป็นแหล่งของโปรตีนที่มีไขมันต่ำ และไขมันจากปลายังช่วยในการป้องกันโรค หลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบตันด้วย
- ไข่ ก็อุดมไปด้วยโปรตีน แต่ไข่แดงก็มักจะมีโคเลสเตอรอลด้วย
- ถั่วต่างๆ ก็อาจจะเป็นแหล่งของโปรตีนที่ดี และยังมีใยอาหาร ช่วยลดการเกิดโรค หลอดเลือดเลี้ยงหัวใจและมะเร็ง
พยายามหลีกเลี่ยงแหล่งของโปรตีนที่มีไขมันสูง และให้เลือกรับประทานโปรตีนที่มีไขมันต่ำเช่นเนื้อปลา
ที่มา:Teenee.com
วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)